ยาลดเกร็ง มีความสำคัญอย่างไรกับผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง
ยาลดเกร็ง เหมาะกับผู้ที่มีกล้ามเนื้อหดเกร็งเป็นบริเวณกว้าง จะมีผลทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่หดเกร็งอ่อนแรงลงด้วยการใช้ยา โดยฤทธิ์ยาจะส่งผลให้มีอาการง่วงซึมและอาจทำให้ขัดขวางการทำกิจวัตรประจำวันหรือการทำกายภาพบำบัดได้ โดยในแต่ละชนิดยาจะมีวิธีการใช้และผลข้างเคียงต่างกัน
ยาลดเกร็ง ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มักจะใช้บ่อยมักจะมี Baclofen, Tizanidine, benzodiazepine, และ gabapentin
กลุ่มยารักษาอาการลดเกร็งกล้ามเนื้อ
- Baclofen (บาโคลเฟน) เป็นยาคลายกล้ามเนื้อที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง อาจใช้ร่วมกับการรักษาวิธีอื่น เช่น กายภาพบำบัด เพื่อบรรเทาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งหรือกระตุก สำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อแข็งตึงผิดปกติ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง รวมถึงผู้ป่วยโรคมัลติเพิล สเคลอโรซิส (Multiple Sclerosis) นอกจากนี้ ยังอาจใช้บรรเทาอาการอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Baclofenยา Baclofen อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป เช่น ง่วงซึม วิงเวียน รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ท้องผูก อาเจียน ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เป็นต้น และควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน หากพบอาการรุนแรงอื่น ๆ ดังนี้อาการแพ้ยา เช่น มีผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง หายใจลำบาก มีอาการบวมที่ลิ้น ริมฝีปาก ใบหน้า หรือลำคอหายใจไม่อิ่ม หรือหายใจรวยรินประสาทหลอน หรือรู้สึกสับสนชัก
2. Tizanidine (ทิซานิดีน)เป็นยาคลายกล้ามเนื้อชนิดออกฤทธิ์ระยะสั้นหรือยาแอลฟา อะดรีเนอร์จิก อะโกนิสต์ มีฤทธิ์ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและยับยั้งกระแสประสาทส่วนกลางที่ทำหน้าที่รับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกส่งไปยังสมอง นำมาใช้รักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง รักษาอาการปวดจากกล้ามเนื้อกระตุกที่เกี่ยวข้องกับภาวะทางระบบกล้ามเนื้อและกระดูก หรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์.
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Tizanidineการใช้ยา Tizanidine อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ง่วงซึม นอนไม่หลับ วิตกกังวล มองเห็นไม่ชัด มีอาการคล้ายไข้หวัด ปากแห้ง มีปัญหาในการพูด ผลตรวจการทำงานของตับผิดปกติ น้ำมูกไหล เจ็บคอ มีปัญหาในการปัสสาวะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อได้ ความดันต่ำ หัวใจเต้นช้า ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง รู้สึกวิงเวียน คล้ายจะเป็นลม เจ็บหรือแสบเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะสีเข้ม เป็นต้น ผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงอย่างอาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม มีอาการหลอน หรือสับสน ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที
- Benzodiazepines (เบนโซไดอะซีปีน)ยา Benzodiazepines (เบนโซไดอะซีปีน) เป็นกลุ่มยาที่ทำงานในระบบประสาทส่วนกลาง นำไปใช้รักษาได้หลายอาการ เช่น อาการนอนไม่หลับ ภาวะลมชัก หรือคลายความวิตกกังวล ซึ่งอาจพบได้ในผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ ยา Benzodiazepines มักถูกนำมาใช้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ตามความจำเป็นในการบรรเทาอาการ เพราะเป็นยาที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเสพติดและการดื้อยาสูงหากใช้ยาเกินขนาดผลข้างเคียงของยา Benzodiazepines อาจค่อนข้างรุนแรง จึงทำให้ยาชนิดนี้ถูกนำไปใช้เป็นยาสลบเพื่อใช้ล่วงละเมิดทางเพศ หรือหากใช้ยาเกินขนาดบ่อยครั้ง อาจทำให้ผู้ใช้เสพติดยาหรืออาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ ยังมีผลข้างเคียงอื่น ๆ
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Benzodiazepines ง่วงซึมปากแห้ง ปวดศีรษะ ซึมเศร้า น้ำหนักขึ้นท้องผูก สับสน เวียนศีรษะ คลื่นไส้ การมองเห็นเปลี่ยนไป มีปัญหากับการหายใจ สั่น ทารกแรกเกิดพิการ (ในกรณีที่ใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์)
- Gabapentin (กาบาเพนติน)เป็นยาในกลุ่มยากันชัก (Anticonvulsant) ที่ส่งผลต่อสารเคมีและระบบประสาทในสมองที่เป็นสาเหตุของอาการชัก นำมาใช้รักษาอาการปลายประสาทอักเสบในบางกรณี โดยกลไกในการออกฤทธิ์ของยาดังกล่าว คือ เมื่อยากาบาเพนตินเข้าสู่ร่างกาย ตัวยาจะเข้าไปจับกับตัวรับที่อยู่ในสารสื่อประสาท ทำให้อาการชักค่อย ๆ ทุเลาลง ทั้งนี้ ยากาบาเพนตินเป็นยาที่ต้องใช้ภายใต้คำสั่งของแพทย์เท่านั้น
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Gabapentin ยา Gabapentin เป็นยาที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก ที่มักพบได้บ่อยจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับพฤติกรรมและสุขภาพจิต ได้แก่ รู้สึกมึนงง
- มีการกรอกตาที่ผิดปกติ ตาพร่ามัว
- เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว
- วิตกกังวล ซึมเศร้า
- มีปัญหาเรื่องการควบคุมสมาธิ
- อารมณ์แปรปรวน
- ขาดความเชื่อมั่น
- ร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ
- อยากตาย
การรักษาอาการเกร็งในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเป็นปัจจัยในการฟื้นฟูที่สำคัญ เมื่ออาการเกร็งลดลงจะสามารถลดอุปสรรค์ในการทำกิจกรรมและสามารถส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมการสั่งการการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น และซึ่งการลดเกร็งไม่ได้มีเพียงแค่วิธีการทานยา หรือ ฉีดยา แต่สามารถลดเกร็งได้ด้วยการยืดกล้ามเนื้อ หรือใช้อุปกรณ์ในการช่วยลดอาการเกร็งได้
How important are antispasmodic drugs to stroke patients?
antispasmodic Suitable for those who have spasms over a large area. Will result in weakening of the contracted muscles with the use of drugs The drug’s effect results in drowsiness and may interfere with daily activities or physical therapy. In each drug type, there will be different methods of use and side effects.
The most commonly used anticoagulants in stroke patients are baclofen, tizanidine, benzodiazepine, and gabapentin.