การให้ อาหารทางสายยาง ทางออกสำหรับคนไข้ที่รับประทานอาหารไม่ได้

การให้ อาหารทางสายยาง ทางออกสำหรับคนไข้ที่รับประทานอาหารไม่ได้

การให้ อาหารทางสายยาง เป็นวิธีการให้อาหารรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยทำให้คนไข้ที่ไม่สามารถรับประทาอาหารได้เอง ให้สามารถได้สารอาหารครบถ้วนในทุกๆมื้อ รวมถึงยาที่คนไข้ต้องได้รับในแต่ละวัน ซึ่งวันนี้ทาง ReBRAIN จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับการให้อาหารทางสายยางว่ามีกี่รูปแบบ การดูแลรักษาสายให้อาหารให้อยู่ได้นาน ควรทำอย่างไรบ้าง 

การให้อาหารทางสายยาง มีทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ 1. สายอาหารผ่านทางจมูกสู่กระเพาะอาหาร (Nasogastric tubes หรือ NG tube) 2. สายอาหารแบบผ่านจมูกสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น (Nasojejunal tubes หรือ NJ tube) และ 3. สายอาหารแบบผ่านหน้าท้องสู่กระเพาะอาหาร (Percutaneous gastrostomy tubes หรือ PEG tube) 

สายอาหารผ่านทางจมูกสู่กระเพาะอาหาร หรือ NG tube เป็นสายให้อาหารที่มีลักษณะเป็นสายยางที่สอดผ่านทางจมูกลงไปสู่กระเพาะอาหาร เป็นสายให้อาหารกลุ่มแรกในกลุ่มคนไข้ที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้เอง ที่แพทย์จะให้ใช้ในการให้อาหาร ส่วนใหญ่สายนี้จะใส่ในคนไข้ในระยะเวลาไม่เกิน 4 สัปดาห์ แต่ถ้าคนไข้ใส่สายแบบนี้เกิน 4-6 สัปดาห์ แพทย์จะพิจารณาเปลี่ยนสายให้อาหารแบบสายให้อาหารแบบหน้าท้อง (PEG tube) เพื่อลดการอักเสบบริเวณช่องเยื่อบุจมูกและคอ  ทุกครั้งที่มีการให้อาหารผ่านทางสายนี้จะต้องมีการยืนยันตำแหน่งของสายให้อาหารด้วยการดูดดูปริมาณอาหารในกระเพาะอาหาร หลังจากให้อาหาร หรือถ้าไม่ได้ให้อาหารทางสายยาง แต่จะเช็คตำแหน่งของสายให้อาหาร สามารถเช็คได้ด้วยการใส่ลมหรือฟังเสียงลมของท่อสายยาง ฟังผ่านทาง stethoscope ดูว่าตำแหน่งสายตรงกับกระเพาะอาหารหรือไม่

สายอาหาร NG tube 

สายอาหารแบบผ่านจมูกสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น หรือ  NJ tube เป็นสายให้อาหารอีกรูปแบบหนึ่ง โดยตัวสายให้อาหารจะคล้ายๆกับสายให้อาหารแบบผ่านจมูกสู่กระเพาะอาหาร หรือ NG  tube คือสายจะสอดผ่านจมูก แต่สายจะลงไปถึงบริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น และขนาดสายจะเล็กกว่าสายแบบ NG tube  ส่วนใหญ่สายแบบนี้จะนิยมใส่กับคนไข้ที่ไม่รู้สึกตัว , มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อน หรือ การบีบตัวของกระเพาะอาหารผิดปกติ

สายอาหาร NJ tube

สายอาหารแบบผ่านหน้าท้องสู่กระเพาะอาหาร หรือ PEG tube เป็นสายให้อาหารที่สายจะผ่านทางหน้าท้องสู่กระเพาะอาหารโดยตรง โดยสายจะต้องมีการผ่าตัดส่องกล้องเพื่อนำสายจากหน้าท้องไปสู่กระเพาะอาหารได้ โดยสายให้อาหารแบบนี้จะใช้ในคนไข้ที่ใส่สายให้อาหารแบบผ่านจมูกมานานกว่า 4-6 สัปดาห์ จะเปลี่ยนมาใช้สายแบบนี้ หรือกลุ่มคนไข้ที่มีภาวะเสี่ยงสำลัก ผู้ป่วยโรคสมอง ผู้ป่วยที่กลืนอาหารลำบาก เป็นต้น

สายอาหาร PEG tube                                

การดูแลสายให้อาหารแต่ละประเภท สำหรับสายอาหารแบบผ่านจมูกทั้งสองแบบ คือ NG tube และ NJ tube ต้องดูแลในส่วนของช่องปากและจมูกให้สะอาด เช็คจมูกด้วยน้ำเกลือทุกวัน แปรงพันอย่างน้อยวันละ 2 เวลา หมั่นเปลี่ยนพลาสเตอร์เพื่อป้องกันแผลและหมั่นดูผิวบริเวณรูจมูกบ่อยๆว่ามีบาดแผลหรือไม่ 

สำหรับสายอาหารแบบผ่านทางหน้าท้อง ในช่วงแรกจะมีแผลจากการทำการผ่าตัดใส่สายที่หน้าท้อง ต้องคอยหมั่นดูแลแผลที่หน้าท้องให้สะอาด เช็ดแผลให้แห้ง ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เมื่อแผลเริ่มแห้งสามารถอาบน้ำกิจกรรมอื่นๆได้ แต่ต้องคอยใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือหรือน้ำต้มสุก เช็ดปิดบาดแผลอีกครั้งหลังอาบน้ำ หากไม่ได้ใช้สาย ควรทำความสะอาดสายด้วยน้ำเปล่าประมาณ 30-50 ซีซี อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และสายควรเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน 

 

เอกสารอ้างอิง 

 

Rollins H. Nasojejunal tube feeding in children: knowledge and practice. British journal of community nursing. 2018;23(Sup7):S7-S12.

 

Sigmon DF, An J. Nasogastric Tube.  StatPearls. Treasure Island (FL)2022.

 

Stroud M, Duncan H, Nightingale J, British Society of G. Guidelines for enteral feeding in adult hospital patients. Gut. 2003;52 Suppl 7:vii1-vii12.

 

Vudayagiri L, Hoilat GJ, Gemma R. Percutaneous Endoscopic Gastrostomy Tube.  StatPearls. Treasure Island (FL)2022.

 

อ่านบทความเพิ่มเติมที่นี่

FACEBOOK :: ReBRAIN

Scroll to Top