เมื่อเวลาผ่านไป อายุเราเพิ่มขึ้นความเสื่อมของร่างกายตามมา โดยเฉพาะข้อเข่าเสื่อม ถึงแม้ว่าเราจะป้องกันและช่วยชะลอโดยการออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อเข่าแล้ว แต่ยังปวดมากจนทนไม่ไหว ทำให้คุณภาพในชีวิตประจำวันของเราทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ เหมือนกับเวลาที่เราใช้รถไปนาน ๆ แล้วรถเสีย เราก็ต้องเปลี่ยนอะไหล่ซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะถ้าไม่เปลี่ยนอะไหล่ เราจะใช้งานรถไม่ได้ การ ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ก็เช่นกัน แต่เรามักจะเปลี่ยนเข่าเป็นทางเลือกสุดท้าย
แล้วแพทย์จะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ว่า… จะผ่าตัดดีหรือไม่
- ดูจากผล film x-ray ว่า ข้อเข่าเสื่อม ระยะไหน ถ้าอยู่ในระยะที่ 4 แล้วส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัด โดยประเมินจากอายุของผู้ป่วยร่วมด้วย
- คนที่มีอาการปวดเข่ามาก เดินทางราบแล้วปวดมากขึ้น ต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดินร่วมกับกินยาแก้ปวดเป็นประจำและกินเป็นเวลานาน
- ถ้ารักษาโดยวิธีการออกกำลังกายและทำกายภาพบำบัดแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจจะต้องทำการผ่าตัด
ชนิดและวิธีการผ่าตัด

แบ่งวิธีการผ่าตัดได้ 2 วิธี ดังนี้
- ผ่าตัดแบบเปลี่ยนผิวข้อ ซึ่งการผ่าตัดแบบนี้แบ่งได้อีกเป็น 3 ประเภทย่อยๆ ดังนี้
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (Unicompartmental knee arthroplasty) ส่วนใหญ่แพทย์จะใช้วิธีนี้ในการผ่าตัดเปลี่ยนเข่าแค่ส่วนที่มีปัญหาส่วนใดส่วนหนึ่ง ไม่ได้เปลี่ยนทั้งหมด
- การผ่าตัดข้อเข่าเทียมสองซีก (Bicompartmental knee arthroplasty) เป็นการผ่าตัดแบบเปลี่ยนผิวข้อด้านในและลูกสะบ้า
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อทั้งหมด (Total knee arthroplasty) การผ่าตัดแบบนี้ใช้สำหรับผู้ป่วยที่เข่าเสื่อมมาก แพทย์ทำการเปลี่ยนข้อเข่าทั้งหมด ตั้งแต่ผิวข้ออ่อน หมอนรองเข่า
- ผ่าตัดข้อเข่าเทียมแผลเล็ก (minimal invasive surgery) เป็นวิธีการผ่าตัดแบบแผลเล็ก เสียเลือดน้อย บาดเจ็บน้อยหรือใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการผ่าตัดเพื่อให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น
ข้อเข่าเทียมจะใช้ได้นานขนาดไหน
การใช้งานเข่าหลังจากผ่าตัดโดยปกติจะสามารถใช้ได้ถึง 20 ปี หรือมากกว่านั้นขึ้นกับการใช้งานเราว่าเราใช้งานและดูแลมากน้อยแค่ไหน เช่น
- การควบคุมน้ำหนัก
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทกต่อข้อเข่า เช่น การกระโดด เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้งานในการงอเข่าไม่ให้เกินในช่วง 90°-120°
ซึ่งถ้าเราดูแลข้อเข่าที่เราเปลี่ยนมาได้ดี จะทำให้ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น
ก่อนและหลังการผ่าตัดต้องทำอะไรบ้าง… นักกายภาพแนะนำให้

ก่อนการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
ควรเสริมกำลังกล้ามเนื้อหน้าต้นขา (quadriceps) และกล้ามเนื้อก้นสะโพก (gluteus)ให้พร้อม เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และบอกแนวของแผลผ่าตัด
หลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
ผู้ป่วยสามารถลุกขึ้นยืนเดินได้โดยใช้ไม้สี่ขา (walker) ตั้งแต่ 1-2 วันแรกหลังผ่าตัด
นักกายภาพบำบัด จะแนะนำสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
- นักกายภาพแนะนำให้ประคบเย็นหลังจากการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวมและอักเสบของแผล
- นักกายภาพคลายกล้ามเนื้อรอบ ๆ เข่าด้วยการคลึงกล้ามเนื้อรอบ ๆ เข่าให้คลายตัวมากขึ้น อาการปวดตึงเข่าจะเบาลง
- ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
- ฝึกวิธีการลุกนั่งข้างเตียง
- ฝึกเดินโดยใช้ walker
ข้อควรระวัง หลังผ่าตัด
- ห้ามงอเข่าสุด เช่น นั่งที่พื้น, นั่งยองๆ, นั่งเก้าอี๊เตี๊ยๆ
สำคัญที่สุดคือการได้รับกายภาพบำบัดในช่วง 3 เดือนแรก
ReBRAIN ทีมนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง ให้การรักษานอกสถานที่
ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ตั่งแต่ 3-7 วันแรกหลังผ่าตัด และควรหานักกายภาพบำบัด ไป ทำกายภาพบำบัดที่บ้าน เพื่อเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว สอนท่าออกกำลังกายที่เหมาะสมตามระยะการฟื้นฟู