โบท็อกซ์ ช่วยลดเกร็งกล้ามเนื้อในผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง
อาการหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยหลอดเลือดสมองคือ อาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้ผู้ป่วยถูกจำกัดการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การยืน การเดิน ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์ในการรักษาอยู่หลากหลายวิธี เช่น การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ การรักษาด้วยยา และเมื่อกล่าวถึงวิธีการรักษาด้วยยา ตัวยาที่แพทย์นิยมใช้คือ ยาลดอาการเกร็งกล้ามเนื้อ โดยตัวยามีทั้งรูปแบบรับประทานและรูปแบบฉีด ซึ่งยาฉีดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ โบท็อกซ์ (Botox)
โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้าหรือ Botulinum toxin A คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์ หากได้รับในปริมาณมากๆ เช่น จากอาหารกระป๋องที่ปนเปื้อนด้วยเชื้อตัวนี้
ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้จากการที่กล้ามเนื้อกระบังลมไม่ทำงาน ส่งผลให้ผู้ป่วยหยุดหายใจได้ ในปัจจุบัน Botulinum toxin A ที่ใช้ในประเทศไทยผลิตจาก 2 บริษัทคือ โบท็อกซ์ BOTOX และ ดีสพอร์ต (Dysport) โดยตัวยา โบท็อกซ์ จะออกฤทธิ์ขัดขวางการหลั่ง Acetylcholine (Ach)
ซึ่งมีหน้าที่ช่วยให้กล้ามเนื้อสามารถหดตัวและทำงานได้ เมื่อมีการหลั่งสาร Ach น้อยลงจะทำให้อาการเกร็งของกล้ามเนื้อลดลงตามโดยจะเกิดผลเฉพาะกล้ามเนื้อที่ได้รับการฉีดยา โดยยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน เห็นผลสูงสุดใน 1-2 สัปดาห์และมีฤทธิ์อยู่ได้นาน 3-4 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับมาหดตัวได้เหมือนเดิม เนื่องจากฤทธิ์ยาที่ไม่ถาวรนี้เอง จึงทำให้ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาซ้ำ
โบท็อกซ์ ช่วยในผู้ป่วยหลอดเลือดสมองได้อย่างไร?
ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองส่วนใหญ่ ในช่วงแรกจะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ เมื่อเวลาผ่านไปจะเริ่มมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ตามมา อาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เป็นความผิดปกติของระบบสั่งการ โดยเซลล์ประสาทสั่งการส่วนบนทำงานผิดปกติ (upper motor neuron syndrome) ซึ่งอาการเกร็งของกล้ามเนื้อทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการทำงานต่างๆ หรือจำกัดในการทำกิจกรรมไป
อาการเกร็งกล้ามเนื้อในผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมองมีหลายรูปแบบแบ่งได้เป็น 4 ประเภทดังนี้
- ภาวะหดเกร็งกล้ามเนื้อ (spasticity)
- การกระตุกสั่นของกล้ามเนื้อ (clonus)
- การหดตัวทันทีของกล้ามเนื้อที่ทำให้งอ (flexor spasms)
- การหดตัวทันทีของกล้ามเนื้อที่ทำให้เหยียด (extensor spasms)
การหดเกร็งกล้ามเนื้อของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง มีหลายระดับ ผู้ที่อาการไม่รุนแรงมากในทางการแพทย์หรือกายภาพบำบัดจะใช้วิธีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันการหดรั้งของกล้ามเนื้อและข้อต่อติด หรือใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงร่วมด้วย แต่ผู้ป่วยที่มีอาการเกร็งกล้ามเนื้อชนิดรุนแรง แพทย์นิยมให้การรักษาด้วยการรับประทานยาหรือฉีดยา ยาลดเกร็งกล้ามเนื้อแบบรับประทานมีหลายชนิดได้แก่ Baclofen, Tizanidine, benzodiazepine, และ gabapentin เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อหดเกร็งเป็นบริเวณกว้างแต่อาจทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่ดีอ่อนแรงตามไปด้วย ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจาการทานยาได้แก่ อาการง่วงซึม ซึ่งอาจทำให้ขัดขวางการทำกิจวัตรประจำวัน หรือการทำกายภาพบำบัดได้ แต่ผู้ป่วยที่มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเฉพาะที่ แพทย์จะแนะนำเป็นการฉีดยาเพื่อลดอาการเกร็งมากกว่า ยาที่ใช้รักษาส่วนใหญ่คือ โบท็อกซ์ Botox เป็นยาฉีดเฉพาะที่โดยวิธีการคือ ฉีด โบท็อกซ์ ลงตำแหน่งกล้ามเนื้อที่หดเกร็งโดยตรงเพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อเฉพาะมัดที่มีปัญหาหรือขัดขวางการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งวิธีการรักษานี้เป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุด แต่อาจเกิดผลข้างเคียงเฉพาะที่เล็กน้อย เช่น อาการปวด ชา หรือสูญเสียความรู้สึกบริเวณที่ฉีดยา ดังนั้นผู้ป่วยท่านใดที่สนใจวิธีการรักษาด้วยโบท็อกซ์ นี้ต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ก่อน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา
Botox reduces muscle spasms in cerebrovascular patients.
One of the most common symptoms in cerebrovascular patients is muscle spasms As a result,
patients are limited in activities such as standing and walking. At present, there are many advances in medical treatment.
such as stretching drug treatment and when it comes to drug treatment The most popular drugs that doctors use are muscle spasms The drug is available in both oral and injectable forms.The most widely used injectable drug is Botox.
Botox is the trade name or Botulinum toxin A, a protein produced by bacteria called Clostridium botulinum (Clostridium botulinum) that causes food poisoning to humans if. Get it in large quantities, such as from canned food contaminated with this germ.
This can be life-threatening from the inactive diaphragm muscles. As a result, the patient stops breathing.
At present, Botulinum toxin A used in Thailand is produced by 2 companies, which are Botox and Disport.
The Botox drug acts to block the ejaculation. Acetylcholine (Ach), which is responsible for helping muscles contract and function. When the secretion of Ach is reduced, the spasm of the muscles is reduced accordingly, affecting only the muscle that has been injected. The drug will begin to work within 2-3 days, see maximum results in 1-2 weeks and last for 3-4 months, after which the muscles will gradually come back to shrink as usual Due to the effect of this drug that is not permanent Therefore, the patient must be treated repeatedly.
เอกสารอ้างอิง
1.จารุวรรณ กิตติวราวุฒิ. (2561). การลดเกร็งของกล้ามเนื้อในผู้ใหญ่ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง บูรพาเวชสาร, 5 (2), 135-136.
2.วิสุทธินี เทือกทอง, พ.บ.; และคณะ. (2558). ผลการลดเกร็งของแขนและมือในผู้ป่วยหลอดเลือดสมองที่เกิดขึ้นทันที หลังจากการเหยียดยืดเอ็นและกล้ามเนื้อแบบนิวโรฟิสิโอโลจิกเปรียบเทียบกับการเหยียดยืดแบบออร์โธปิดคส์. เวชศาสตร์ฟื้นฟูสาร, 25(1), 22-29.
3.อ.พญ.ศศิมา เอี่ยมพันธุ์, ผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา, รศ.นพ.วรพงษ์ มนัสเกียรติ. (2556). จะดีหรือร้ายเมื่อใช้ “Botox”. ใน บทความจากศูนย์เลเซอร์ผิวหนังและศัลยกรรมผิวหนัง ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, หน้า 1-3.
4.อารีรัตน์ อนันต์นนท์ศักดิ์. (1999). เทคนิคใหม่ในการรักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง. Chula Med, 43(2), 69-87