สมองเสื่อม ภัยร้ายในผู้สูงอายุ

สมองเสื่อม ภัยร้ายในผู้สูงอายุ

สมองเสื่อม กับผู้สูงอายุ ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มรูปแบบ จากข้อมูลประชากรของประเทศไทยปี 2558 จำนวนประชากรในประเทศไทยอยู่ที่ 65,203,979 คน เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 10,569,021 คน หรือ คิดเป็นร้อยละ 16.2 ของประชากรทั้งหมด หรือคิดอัตราส่วนเป็นประชากรไทย 100 คน จะมีผู้สูงอายุ 16 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแน่นอนว่าอายุที่เพิ่มมากขึ้นประสิทธิภาพของการทำงานของร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ ย่อมเสื่อมถอยลง ส่งผลให้ผู้สูงอายุไทยย่อมมีโรคประจำตัว โดยจากข้อมูลพบว่ากลุ่มโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม เป็นต้น

โรคสมองเสื่อม (Dementia) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยความชุกคิดเป็นร้อยละ 2-4 ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี โดยมีความชุกเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า เมื่อมีอายุเพิ่มขึ้นทุก ๆ 5 ปี กลุ่มโรคที่พบบ่อย คือ โรคอัลซไฮเมอร์ (Alzheimer’s disease) คิดเป็นร้อยละ 65 ของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมทั้งหมด แม้ว่าโรคนี้จะไม่สามารถป้องกัน และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ญาติหรือผู้ดูแลก็ควรเข้าใจในตัวโรคหรือตัวผู้ป่วย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างถูกวิธี

สาเหตุที่แท้จริงของโรคสมองเสื่อมยังไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่จากการศึกษาในขณะนี้เชื่อว่าปัจจัยเสี่ยงคือ อายุที่มากขึ้น ยิ่งอายุมากยิ่งมีโอกาสเป็นมาก พบว่าร้อยละ 25 ของผู้ป่วยอายุ 85 ปีที่เป็นโรคนี้อายุเป็นปัจจัยที่ได้รับการยืนยันมากที่สุด ส่วนปัจจัยอื่น ๆ เช่น โรคประจำตัว การทานยา การใช้ชีวิตที่ร่างกายไม่ค่อยได้ขยับตัว เป็นเพียงตัวกระตุ้นให้เกิดพยาธิสภาพ

การดำเนินของตัวโรคอาการจะเริ่มเป็นตอนอายุ 65 ปี แต่บางรายอาจเร็วกว่านั้น สามารถแบ่งอาการได้ 3 ระยะ

  • ระยะแรกอาการเริ่มเป็นใหม่ ๆ จะมีอาการขี้ลืมโดยเฉพาะความจำระยะสั้น และสูญเสียสมาธิ แต่ยังสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ปกติ ในระยะนี้การดำเนินโรคจะค่อยเป็นค่อยไป
  • ระยะที่สองอาการทรุดลงในช่วงระยะ 1-3 ผู้ป่วยจะปีมีปัญหาเรื่องวันเวลาสถานที่ และอาจหลงทางกลับบ้านไม่ถูก ลืมชื่อญาติสนิท หวาดระแวง หลงผิด (delusions) ประสาทหลอน (hallucinations) สับสน โดยเฉพาะกลางคืนอาจไม่นอนทั้งคืน จะออกนอกบ้าน และมีพฤติกรรมก้าวร้าว หงุดหงิด (frustration) โกรธง่าย และวิตกกังวล (anxiety) บางคนก็กลับเปลี่ยนไปเป็นไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
  • ระยะที่สามเมื่อเวลาผ่านไปอีก 2-3 ปี อาการจะยิ่งทรุดหนัก ความจำแย่ลงมาก (amnesia) จำญาติไม่ได้ เคลื่อนไหวช้าลง ไม่ค่อยยอมเดิน หรือเดินก็เหมือนก้าวขาไม่ออก (gait disturbance) ลังเล ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองไม่ได้ พูดน้อยลง ไม่เป็นประโยค ที่สุดก็ไม่พูดเลย (aphasia) กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ (urinary and fecal incontinence) ต้องมีคนดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะเสียชีวิตในเวลา 2-10 ปี โดยเฉลี่ย 10 ปี ด้วยโรคแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อจากปอดบวม หรือแผลกดทับ

การรักษาในปัจจุบันเน้นไปที่การประคับประคองอาการและชะลออาการ โดยการรักษาหลักคือการใช้ยา ยาหลักที่ใช้คือ ยาในกลุ่ม centrally acting cholinesterase inhibitors (ChEIs) เพื่อเพิ่มระดับ acetylcholine ใน สมองส่วน cerebral cortex และ hippocampus ในส่วนของกายภาพบำบัดในผู้ป่วยกลุ่มโรคนี้ มักเน้นไปที่การคงระดับความสามารถสูงสุด คงระดับการทำกิจวัตรประจำวัน ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ร่วมกับการใช้พฤติกรรมบำบัด จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย เพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

Alzheimer’s disease in the elderly

Dementia and the elderly At present, Thailand has entered a fully aged society. According to the population data of Thailand in 2015, the population in Thailand is 65,203,979 people aged 60 years and over, 10,569,021 people or 16.2% of the total population. Or accounted for a ratio of 100 Thai people, there will be 16 elderly people and there is a tendency to increase gradually.

อ้างอิง

Scroll to Top