ภาวะกลืนลำบากในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

ภาวะกลืนลำบากในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นสาเหตุสำคัญของความพิการหรือทุพลภาพของผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ผู้ป่วยจำนวนมากหลังเกิดโรคมักมีความบกพร่องทางระบบประสาท ส่งผลให้สูญเสียการทำงานของร่างกายในหลายระบบ หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยคือ ภาวะกลืนลำบาก (Dysphagia) ซึ่งเกิดจากความเสียหายของสมองบริเวณที่ควบคุมการกลืน ส่งผลให้กระบวนการกลืนผิดปกติ ผู้ป่วยอาจมีอาการสำลักบ่อย กลืนอาหารหรือน้ำลำบาก นำไปสู่ภาวะขาดสารอาหาร การติดเชื้อทางเดินหายใจ และคุณภาพชีวิตที่ลดลง การดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของทีมสหสาขาวิชาชีพ (Multidisciplinary team) ซึ่งประกอบด้วยแพทย์ นักกิจกรรมบำบัด นักกายภาพบำบัด นักแก้ไขการพูด และนักโภชนาการ โดย                       นักกายภาพบำบัด มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมท่าทาง การควบคุมการเคลื่อนไหว และการฝึกหายใจ ซึ่งล้วนช่วยสนับสนุนการกลืนให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น

ภาวะกลืนลำบาก หมายถึง ความยากลำบากในการกลืนอาหาร น้ำ หรือแม้แต่น้ำลาย เกิดจากความผิดปกติของการประสานงานระหว่างกล้ามเนื้อและระบบประสาทที่ควบคุมการกลืน ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง สมองส่วนที่ควบคุมการกลืน (Cortex, Brainstem) ถูกทำลาย ทำให้กระบวนการกลืนขาดความสัมพันธ์กันระหว่างช่องปาก คอหอย และหลอดอาหาร ภาวะนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ยากเท่านั้น

แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการ สำลัก (Aspiration) และ ปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration pneumonia) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

อาการและภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย

  1. กลืนอาหารลำบาก รู้สึกติดบริเวณลำคอหรือหน้าอก
  2. ไอหรือสำลักระหว่างกลืน โดยเฉพาะของเหลว
  3. น้ำหนักลด ขาดสารอาหาร และภาวะขาดน้ำ
  4. เสียงแหบหลังกลืน (บ่งชี้การสำลักเงียบ)
  5. เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ
  6. คุณภาพชีวิตลดลง และเกิดความวิตกกังวลในการรับประทานอาหาร

บทบาทของกายภาพบำบัดในผู้ป่วยภาวะกลืนลำบาก

แม้ว่าการบำบัดการกลืนจะมักเป็นหน้าที่หลักของนักกิจกรรมบำบัด (Occupational Therapist : OT) แต่ นักกายภาพบำบัด (Physiotherapist) ก็มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพโดยรวมของผู้ป่วย เพื่อสนับสนุนให้กระบวนการกลืนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้

1. การประเมินเบื้องต้น (Physical and Postural Assessment)

นักกายภาพบำบัดจะประเมินท่าทาง กล้ามเนื้อคอ ลำตัว และการทรงท่าขณะนั่งหรือกลืน เพื่อวางแผนท่าที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด เช่น

การนั่งตัวตรง พิงพนักศีรษะตรงกลาง ปรับระดับโต๊ะและความสูงของเก้าอี้ให้เหมาะสม ฝึกการควบคุมศีรษะและลำตัวเพื่อให้ระบบกลืนทำงานได้ดีขึ้น

2. การฝึกควบคุมการหายใจและการไอ (Breathing and Cough Training)

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมักมีแรงหายใจและแรงไอลดลง ทำให้ไม่สามารถขับสิ่งแปลกปลอมออกจากหลอดลมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นักกายภาพบำบัดสามารถช่วยโดย

  • ฝึกการหายใจแบบไดอะแฟรม (Diaphragmatic breathing)
  • ฝึกการไออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective cough training)
  • ฝึกการหายใจสัมพันธ์กับการกลืน (Swallow–breath coordination) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสำลัก

3. การฝึกกล้ามเนื้อและการกระตุ้นประสาทกล้ามเนื้อ (Neuromuscular Facilitation)

กายภาพบำบัดสามารถช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า คอ และลำตัว เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันของระบบประสาท เช่น

การนวดและกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าและคอ

การใช้เทคนิค PNF (Proprioceptive Neuromuscular Facilitation) เพื่อเพิ่มการรับรู้และการเคลื่อนไหว

การใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical stimulation) เพื่อช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการกลืน

4. การฝึกท่าทางช่วยการกลืน (Postural and Compensatory Techniques)

นักกายภาพบำบัดสามารถร่วมฝึกท่าช่วยกลืน เช่น

ท่าก้มคาง (Chin tuck) เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อนเข้าสู่หลอดลม

ท่าหันศีรษะไปข้างที่แข็งแรง (Head turn) ช่วยให้อาหารผ่านข้างที่กลืนได้ดีกว่า

การจัดท่านั่งหลังรับประทานอาหาร ให้นั่งตรงอย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันการสำลัก

5. การฟื้นฟูการเคลื่อนไหวโดยรวม (Overall Rehabilitation)

ผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบากมักมีปัญหาการทรงตัว การเคลื่อนไหวแขนขา และความอ่อนแรงร่วมด้วย นักกายภาพบำบัดจะช่วยฝึกการทรงตัว การเดิน และการประสานการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาทำกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้น ซึ่งมีผลต่อความมั่นใจในการรับประทานอาหารและคุณภาพชีวิตโดยรวม

ภาวะกลืนลำบากในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยและมีผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและจิตใจของผู้ป่วย        การรักษาและฟื้นฟูต้องอาศัยความร่วมมือจากทีมสหสาขาวิชาชีพ โดยนักกายภาพบำบัดมีบทบาทสำคัญในการจัดท่าทาง ฝึกหายใจ การควบคุมศีรษะและลำตัว รวมถึงการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการกลืนการเริ่มฟื้นฟูตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการสำลัก ปอดอักเสบ และภาวะทุพโภชนาการ ส่งเสริมให้ผู้ป่วยกลับมารับประทานอาหารได้อย่างปลอดภัย เพิ่มคุณภาพชีวิต และส่งผลดีต่อการฟื้นตัวโดยรวมของร่างกาย

อ่านบทความเพิ่มเติมที่นี่

FACEBOOK :: ReBRAIN

เอกสารอ้างอิง

กาญจนา สุขเจริญ. (2559). การฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีความผิดปกติการกลืน. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี.

นฤมล สินสุวรรณ. (2561). “การประเมินและบำบัดผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบาก.” ใน: สุพัตรา ศรีประเสริฐ (บก.), เวชศาสตร์ฟื้นฟูทางระบบประสาท. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ชุติมา รุ่งโรจน์วณิชย์. (2560). Dysphagia: การวินิจฉัยและการจัดการ. วารสารสมาคมโสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย.

วิไลวรรณ ศิริวัฒนกุล. (2562). “การจัดการโภชนาการในผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบาก.” วารสารโภชนบำบัดไทย, 14(2), 85–92.

สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์. (2563). แนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง: การฟื้นฟูสมรรถภาพการกลืน. กรุงเทพฯ: กรมการแพทย์.

Scroll to Top