เลเซอร์ (Laser) ในทางกายภาพบำบัด
หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในคลินิกกายภาพ คือ เลเซอร์บำบัด (Laser Therapy) โดยเราจะมาทำความรู้จักเลเซอร์กันก่อน เลเซอร์ ( L.A.S.E.R : Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation) คือการเพิ่มความเข้มของแสงโดยการกระตุ้นให้มีการปลดปล่อยพลังงานเป็นคลื่นแสงออกมา เลเซอร์ที่ทุกคนพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน คือเลเซอร์สแกนบาร์โค้ดสินค้าเป็นลักษณะลำแสงสีแดง
แต่ในโลกของการแพทย์สมัยใหม่ เทคโนโลยีเลเซอร์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การรักษาทางผิวหนังหรือศัลยกรรมตกแต่งเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญใน “ทางกายภาพบำบัด” หรือ การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายด้วยคลื่นแสงเลเซอร์เพื่อลดการอักเสบ และลดแผลกดทับ
ซึ่งบทความนี้จะแนะนำเลเซอร์ที่ใช้ในทางกายภาพบำบัดให้ทุกคนได้รู้จักถึง 2 แบบด้วยกัน เลเซอร์ในทางกายภาพบำบัด สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ เลเซอร์พลังงานต่ำ และ เลเซอร์พลังงานสูง แต่ละชนิดมีข้อดีและการเลือกใช้ที่เหมาะกับการรักษาต่างกัน มาดูกันเลย!
- เลเซอร์พลังงานต่ำ (Low Power Laser Therapy – LLLT) หรือที่เรียกว่า Cold Laser
ลักษณะเด่น: • ใช้พลังงานต่ำ (มักน้อยกว่า 500 mW)
- ปลอดภัย ไม่รู้สึกร้อนตอนรักษา
- ไม่ทำลายเนื้อเยื่อ
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ให้ฟื้นตัวไวขึ้น กลไกการทำงาน:
- กระตุ้นการสร้าง ATP (พลังงานในเซลล์)
- เพิ่มการไหลเวียนเลือดในเนื้อเยื่อเฉพาะจุด
- ลดสารกระตุ้นความเจ็บปวด (Pro-inflammatory substances)
เหมาะสำหรับ: • ลดปวดเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดคอ
- ลดการอักเสบ เช่น เอ็นอักเสบ ข้อไหล่ติด
- กระตุ้นการสมานแผล เช่น แผลเบาหวาน หรือแผลเรื้อรัง
- เลเซอร์พลังงานสูง (High Power Laser Therapy – HPLT) หรือบางครั้งเรียกว่า Hot Laser
ลักษณะเด่น: • พลังงานสูง (มากกว่า 500 mW หรือเป็นระดับ Watt ขึ้นไป)
- สามารถเจาะลึกถึงชั้นเนื้อเยื่อลึก
- มีพลังงานพอให้เกิด ผลทางความร้อน ในระดับปลอดภัย
- มีผลทั้ง ทางชีวภาพ และ ทางกลไกความร้อน
- ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดี กลไกการทำงาน:
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- เพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ
- ช่วยลดอาการตึงตัวของกล้ามเนื้อ
- เร่งการไหลเวียนโลหิต เหมาะสำหรับ:
- กล้ามเนื้อตึงเรื้อรัง ปวดหลังลึกๆ
- อาการบาดเจ็บจากกีฬา หรือหลังผ่าตัด
- ฟื้นฟูเนื้อเยื่อลึก เช่น เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อชั้นใน
- ผู้ที่ตอบสนองต่อเลเซอร์พลังงานต่ำได้น้อย
! ข้อควรระวัง • ควร สวมแว่นตานิรภัย ทั้งผู้ป่วยและผู้ทำการรักษา
- หลีกเลี่ยงการฉายเลเซอร์ใกล้ ดวงตา, ต่อมไทรอยด์, อวัยวะเพศ
- อย่าใช้กับ แผลเปิด หรือบริเวณที่ ติดเชื้อ
- ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตั้งค่าพลังงานที่เหมาะสม
ข้อห้ามเด็ดขาด • หญิงตั้งครรภ์ ห้ามใช้บริเวณหน้าท้องหรือหลังล่าง
- ผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือมีเนื้องอก
- มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
- มีปัญหาเลือดออกง่าย หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด
แล้วเราควรเลือกใช้แบบไหน? การเลือกใช้เลเซอร์ชนิดใดขึ้นอยู่กับ ลักษณะของปัญหาสุขภาพ และคำแนะนำจากนักกายภาพบำบัดหรือแพทย์ หากเป็นอาการเบาๆ หรือเพิ่งเริ่มเจ็บ เลเซอร์พลังงานต่ำอาจเพียงพอ แต่หากเป็นอาการเรื้อรังลึกๆ หรือกล้ามเนื้อแน่นมากๆ อาจต้องใช้เลเซอร์พลังงานสูงเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า สุดท้ายนี้ เลเซอร์ในกายภาพบำบัดเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ปลอดภัยและได้ผลดี แต่ควรได้รับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญก่อนการรักษาทุกครั้ง เพื่อให้การบำบัดตรงจุด และปลอดภัยกับร่างกายของเรา
เอกสารอ้างอิง
- https://www.physio-pedia.com/High_Power_Laser_Therapy
- https://myhealthplanner.com/web/public/brands/medicalpolicy/external-policies/low-level-laser-therapy/
3.https://www.physio-pedia.com/High_Power_Laser_Therapy
Laser in Physical Therapy
One of the tools that is becoming increasingly popular in physical therapy clinics is laser therapy. Let’s get to know lasers first. Laser (LAS: Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation) is to increase the intensity of light by stimulating the release of energy as light waves. The laser that everyone sees in everyday life is the product barcode scanner, which is a red light beam.
However, in the world of modern medicine, laser technology is not limited to skin treatment or plastic surgery. It also plays an important role in “physical therapy” or physical rehabilitation using laser light waves to reduce inflammation and reduce pressure sores.