แขนเกร็ง ขาเกร็ง แก้อย่างไร
อาการ เกร็ง ของกล้ามเนื้อแขนและขา เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและทำให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองในการประกอบกิจวัตรประจำวันได้ยากลำบากมากขึ้น การรู้จักวิธีการรักษาเพื่อลดอาการ เกร็ง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยหลอดเลือดสมองให้มีประสิทธิภาพและช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันให้ได้มากที่สุด ซึ่งวันนี้ทาง ReBRAIN จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับการแก้อาการแขน ขา เกร็ง กันค่ะ
อาการเกร็งของกล้ามเนื้อสามารถประเมินได้โดยใช้ Modified Ashworth scale (MAS) โดยBohannon & Smith8 แบ่งคะแนนออกเป็น 6 ระดับคือ
คะแนน 0 หมายถึง ความตึงตัวของกล้ามเนื้อไม่เพิ่มขึ้น
คะแนน 1 หมายถึง ความตึงตัวของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้เกิด spastic catch เวลาขยับข้อเร็วๆ หรือมีแรงต้านเฉพาะช่วงสุดท้ายขององศาการเคลื่อนไหว
คะแนน 1+ หมายถึง ความตึงตัวของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้เกิด spastic catch เวลาขยับข้อเร็วๆ ตามด้วยแรงต้านน้อยกว่าครึ่งหนึ่งขององศาการเคลื่อนไหว
คะแนน 2 หมายถึง ความตึงตัวของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นเกือบตลอดองศาการเคลื่อนไหวแต่ยังเคลื่อนไหวข้อได้ง่ายคะแนน 3 หมายถึง ความตึงตัวของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมากจนเคลื่อนไหวข้อได้ยาก
คะแนน 4 หมายถึง ข้อแข็งอยู่ในท่างอหรือเหยียดตรง
การลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อแขนและขา มีหลายวิธีดังนี้
1. การยืดกล้ามเนื้อ เป็นการคงความยาวของกล้ามเนื้อโดยการออกกำลังกายทั้ง passive และ active
การจัดท่าทางที่เหมาะสม และการยืดกล้ามเนื้อช่วยเพิ่มองศาการเคลื่อนไหวของข้อต่อได้มากขึ้น
2.การใช้ความร้อน ความร้อนมีผลต่อการเพิ่มความยืดหยุ่น(elasticity) ของกล้ามเนื้อ การใช้ความร้อนสามารถใช้ได้ในหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Ultrasound, paraffin, fluidotherapy, superficial heat หรือwhirlpool ผลของการใช้ความร้อนมักจะอยู่ได้แค่ระยะสั้น และมักใช้ร่วมกับการยืดกล้ามเนื้อและการออกกำลังกาย
3.การใช้ความเย็น ความเย็นมีผลยับยั้งปฏิกิริยาการตอบสนองของ reflex ที่ทำให้เกิดอาการเกร็งการใช้ความเย็นทำได้หลายวิธี ได้แก่ quick icing technique, prolonged cooling หรือ evaporating spray ซึ่งผลของการใช้ความเย็นมักอยู่ได้แค่ระยะสั้นไม่เกิน 1 ชั่วโมง จึงมักใช้ร่วมกับการลดเกร็งด้วยการยืดกล้ามเนื้อและการออกกำลังกาย
4.การออกกำลังเพื่อเพิ่มความเข็งแรง ก่อนที่จะออกกำลังกายควรยืดกล้ามเนื้ออย่างเพียงพอก่อน จึงค่อยออกกำลังกาย ให้ออกแรงเบาๆ ช้า ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อเกร็งเพิ่ม
5.การกระตุ้นกระแสไฟฟ้า (TENs) การใช้ TENS (Transcutaneous Electrical Nerve Stimulation) มีผลลด nociceptive pain ผ่านทาง pain gate-control theory ดังนั้นจึงสามารถลดการเกิดอาการเกร็งได้นอกจากนี้การใช้ FES (Functional Electrical Stimulation) ยังสามารถช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อได้โดยการกระตุ้น antagonist muscles
6.การใส่อุปกรณ์การดาม (splinting)
6.1 Dorsal hand splint: เป็นอุปกรณ์ดามที่อยู่ด้านบนของแขน ประคองให้ข้อนิ้วมือและข้อมือให้อยู่ในท่าต้านกับ Flexor synergy โดยข้อมือกระดกขึ้นประมาณ 15–20 องศาข้อนิ้วมืออยู่ในท่างอเล็กน้อยนิ้วหัวแม่มืออยู่ในท่ากางนิ้ว
6.2 Conical/Roll hand splint: เป็นอุปกรณ์ดามที่ส่วนปลายม้วนเข้ามาลักษณะคล้ายการกำโคนหรือทรงกระบอก เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเกร็งที่นิ้วมือค่อนข้างมาก ตัวอุปกรณ์ดามวางด้านบนของแขน ข้อมือกระดก 15–20 องศานิ้วมืออยู่ในท่ากำทรงกระบอก ซึ่งความกว้างของทรงกระบอกขึ้นอยู่กับระดับอาการเกร็งของผู้ป่วยส่วนนิ้วหัวแม่มือวางในลักษณะ Opposition
6.3 Anti-spastic/Stretching splint: เป็นอุปกรณ์ดามที่ช่วยกางนิ้วจะใช้ในผู้ป่วยที่นิ้วมือเกร็งเบียดกันต้องการการยืดแบบแยกนิ้ว ข้อมือกระดกขึ้น 15–20 องศา ในส่วนที่เป็นพัดรองรับข้อนิ้วมือโดยอาจจัดให้อยู่ในท่าเหยียดตรงหรืองอเล็กน้อยแล้วแต่ระดับการเกร็งของนิ้วมือและอาจทำเป็นร่องเพื่อให้วางนิ้วได้สะดวกไม่เลื่อนไปมาหรือติดสายรัดแต่ละนิ้วเพิ่มได้
6.4 Soft splint: เป็นอุปกรณ์ดามที่ทำจากวัสดุนิ่ม จัดท่าให้ผู้ป่วยอยู่ในท่ากำมือเล็กน้อย นิ้วหัวแม่มืออยู่ในท่า กางนิ้ว อุปกรณ์ดามชนิดนี้ว่าสามารถช่วยลดภาวะหดเกร็งของกล้ามเนื้อนิ้วมือและยังสามารถช่วยให้ผู้ป่วยแบมือได้ หลังจากใส่แล้ว 30 นาที
การเกร็งของของกล้ามเนื้อเป็นสิ่งที่ต้องรู้จักและรู้วิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการเกร็งหรือกล้ามเนื้อหดสั้นมากกว่าเดิม และช่วยเพิ่มองศาการเคลื่อนไหว ส่งเสริมให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ดีมากยิ่งขึ้น
เอกสารอ้างอิง
- Laura Gomez-Cuaresma,David Lucena-Anton (2021). Effectiveness of Stretching in Post-
Stroke Spasticity and Range of Motion: Systematic Review and Meta-Analysis,11(1074),1-17
- Jaruwan Kittiwarawut (2018). Reducing spasticity in adults with stroke,5(2),131-141
- Panintorn Konggateyai,Thanin Nuttaratat (2020). Splint for Spasticity after Stroke,13(4),272-
278
Arms are tense, legs are tense. How to fix it?
Cramping of the muscles of the arms and legs It is a common condition in stroke patients and makes it more difficult for patients to help themselves in their daily activities. Knowing how to treat to reduce spasticity is an important factor in rehabilitating stroke patients effectively and helping them return to daily life as much as possible. Today, ReBRAIN will provide knowledge about solving arm problems. My legs are tense.
Muscle spasticity can be assessed using the Modified Ashworth scale (MAS) by Bohannon & Smith8, divided into 6 levels:
A score of 0 means muscle tightness has not increased.
A score of 1 means that muscle tightness slightly increases, causing a spastic catch when moving the joint quickly. Or there is only resistance during the last part of the movement.
A score of 1+ means that muscle tension is slightly increased, causing a spastic catch when moving the joint quickly. This is followed by a resistance force of less than half the degree of movement.
A score of 2 means that muscle tightness increases almost throughout the entire range of motion, but it is still easy to move the joint. A score of 3 means that muscle tightness increases so much that it is difficult to move the joint.
A score of 4 means the joint is stiff in a bent or straight position.