“โรค หลอดเลือดสมอง หรือ Stroke” เป็นแล้วหายได้ไหม
โรค หลอดเลือดสมอง หรือ Stroke “เป็นแล้วหายไหม?” หรือ“เป็นแล้วจะกลับมาเป็นปกติหรือไม่?” เป็นคำถามที่ญาติ และผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ต่างพาสงสัย และอยากรู้คำตอบกัน วันนี้ทาง ReBRAIN จะมาอธิบายให้หายข้อข้องใจครับว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นแล้วจะสามารถหายได้หรือไม่
ก่อนอื่นเรามาทบทวนความรู้เกี่ยวกับที่มาของโรคหลอดเลือดสมองกันครับ โรคหลอดเลือดสมองหรือ Stroke เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของ หลอดเลือดสมอง ส่งผลทำให้สมองเกิดการขาดเลือดอย่างฉับพลัน แบ่งสาเหตุการเกิดเป็น 2 ประเภท คือ 1. Ischemic Stroke คือการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดสมอง ส่งผลให้สมองส่วนนั้นได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ และตายจากการขาดเลือด 2. Hemorrhage Stroke คือการแตกของหลอดเลือดสมอง ส่งผลให้สมองส่วนปลายได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ และเลือดที่ออกมากดทับเนื้อสมองบริเวณนั้นจนสมองขาดเลือด
โดยสัญญาณแสดงอาการของโรคหลอดเลือดสมองทั้งสองประเภทในระยะเฉียบพลันที่พบได้คือ 1. เวียนศีรษะ สูญเสียการทรงตัว เดินเซ (B) 2. ตามองไม่เห็นข้างเดียวหรือสองข้าง (E) 3. หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยวครึ่งซีก (F) 4. แขนหรือขา ชาและอ่อนแรงครึ่งซีก (A) 5. พูดไม่ชัด สื่อสารไม่เข้าใจ (S) และ 6. มีอาการดังกล่าวทั้ง 5 ข้อ ในทันทีหรือภายในไม่เกิน 6 ชั่วโมง (T) เราจะเรียกสัญญาณของโรคนี้สั้นๆ “B.E.F.A.S.T.”
ทีนี้เรามาพูดถึงกันครับว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นแล้วหายไหม เป็นแล้วกลับไปใช้ขีวิตตามปกติได้หรือไม่ การหายจากโรคนี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญดังนี้
- เมื่อมีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง ควรรีบไปให้ถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด โดยเวลาที่ควรถึงโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาต้องภายใน 1- 4.5 ชม. หลังจากมีอาการ (จะเรียกช่วงเวลาช่วง 1 – 4.5 ชม. นี้ว่า ชั่วโมงทอง หรือ Golden Hours หรือถ้าสามารถถึงโรงพยาบาลรักษาได้ภายในไม่เกิน 30 นาที จะเรียกเวลานี้ว่า ชั่วโมงแพตทินั่ม หรือ Platinum Hours) ถ้าไปถึงโรงพยาบาลช้านานกว่า 4.5 ชม. จะส่งผลให้สมองตายจากการขาดเลือด สมองจะได้รับความเสียหายมากขึ้นถึง 2 เท่า โอกาสฟื้นตัวกลับมาปกติยิ่งน้อยลง
- รอยโรคที่เกิดขึ้น รอยโรคที่มีขนาดใหญ่หรือกว้าง, มีเลือดออกในสมองมาก และ รอยโรคไปอยู่ใกล้จุดสำคัญบางจุด เช่น ส่วนที่ควบคุมการสั่งการกล้ามเนื้อรยางค์แขนขา ส่วนที่เกี่ยวกับการหายใจ หรือบริเวณเนื้อสมองส่วนลึกๆข้างใน เป็นต้น มีผลทำให้การฟื้นตัวช้าลง
- การรักษาหลังจากมีอาการ จะเริ่มรักษาได้ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังจากที่เป็น ช่วงเวลาที่การฟื้นตัวได้ดีที่สุดและเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยหลอดเลือดสมองจะอยู่ช่วง 3 – 6 เดือน (เรียกว่าช่วงเวลานี้ว่า เวลาทอง หรือ Golden times) หลังจากนั้นการฟื้นตัวจะช้าลง แต่ยังสามารถฟื้นตัวได้เรื่อยๆ
- ภาวะจิตใจของผู้ป่วย การฟื้นตัวให้หายกลับมาปกติได้ นอกจากเรื่องร่างกายแล้ว ภาวะจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่ย่อท้อ มีการให้กำลังใจจากครอบครัวหรือญาติ มีผลต่อการฟื้นตัวหรือหายจากโรคนี้เช่นกัน
- การฝึกกายภาพบำบัด การฝึกต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มีส่วนทำให้การฟื้นตัวกลับมาปกติมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าโรคหลอดเลือดสมองสามารถรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติได้ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักๆคือ เวลาของการเดินทางไปถึงโรงพยาบาลเพื่อเริ่มต้นการรักษา ยิ่งไปถึงเร็ว โอกาสฟื้นตัวจะดี ร่วมกับรอยโรคที่เกิดขึ้น ส่งผลทำให้การฟื้นตัวจะช้าหรือเร็วได้ นอกจากนี้การรักษาสุขภาพหลังจากหายป่วยก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ไม่กลับมาเป็นซ้ำได้ สำหรับการรักษาฟื้นฟูทางกายภาพบำบัดคือ “ส่วนสำคัญ” ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัว ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยเฉพาะในช่วง 3 – 6 เดือนแรก ทาง ReBRAIN มีทีมนักกายภาพบำบัดพร้อมทั้งอุปกรณ์ทางกายภาพบำบัดดูแลและรักษาผู้ป่วยหลอดเลือดสมองทุกๆท่านครับ
เอกสารอ้างอิง
Advani R, Naess H, Kurz MW. The golden hour of acute ischemic stroke. Scandinavian journal of trauma, resuscitation and emergency medicine. 2017;25(1):54.
Coleman ER, Moudgal R, Lang K, Hyacinth HI, Awosika OO, Kissela BM, et al. Early Rehabilitation After Stroke: a Narrative Review. Current atherosclerosis reports. 2017;19(12):59.
Murtezani A, Hundozi H, Gashi S, Osmani T, Krasniqi V, Rama B. Factors associated with reintegration to normal living after stroke. Medicinski arhiv. 2009;63(4):216-9.
Randhawa AS, Pariona-Vargas F, Starkman S, Sanossian N, Liebeskind DS, Avila G, et al. Beyond the Golden Hour: Treating Acute Stroke in the Platinum 30 Minutes. Stroke. 2022;53(8):2426-34.
Terecoasa EO, Radu RA, Negrila A, Enache I, Casaru B, Tiu C. Pre-Hospital Delay in Acute Ischemic Stroke Care: Current Findings and Future Perspectives in a Tertiary Stroke Center from Romania-A Cross-Sectional Study. Medicina. 2022;58(8).