เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality: VR) สำหรับการฝึก การทรงตัว ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นภาวะความผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อการทำงาน
ของระบบประสาทส่วนกลาง ส่งผลให้ผู้ป่วยจำนวนมากเกิดความบกพร่องด้าน การทรงตัว
และการเคลื่อนไหว อันเนื่องมาจากความผิดปกติในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ
การประสานงานระหว่างระบบต่าง ๆ ของร่างกาย และการรับข้อมูลทางประสาทสัมผัส (Sensory input) การฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการทรงตัวจึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการหกล้ม และสนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปประกอบกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย ปัจจุบันเทคโนโลยี
ความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality: VR) ได้ถูกนำมาใช้เป็นสื่อเสริมในการบำบัดฟื้นฟู โดยสามารถสร้างสภาพแวดล้อมจำลองที่มีความปลอดภัย กระตุ้นแรงจูงใจ และเอื้อต่อการฝึกซ้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality: VR) คือ เทคโนโลยีที่สร้างสภาพแวดล้อมเสมือนขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานรับรู้ผ่านช่องทางประสาทสัมผัส เช่น การทรงตัว การมองเห็น การได้ยิน และในบางกรณีรวมถึง
การรับรู้ทางสัมผัส (Haptic feedback) ในงานด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ VR สามารถจำแนกออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- Immersive VR – ผู้ป่วยสวมอุปกรณ์แสดงผลแบบสวมศีรษะ (VR Headset) เพื่อรับรู้ภาพและเสียงรอบตัวแบบ 360 องศา ร่วมกับอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เสมือนอยู่ในสถานที่จริง
- Non-immersive VR – ใช้จอภาพ (เช่น จอคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์) ร่วมกับระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว เช่น Microsoft Kinect หรือ Wii Balance Board
หลักการฝึก การทรงตัว ด้วย VR
การฝึกจะเน้นการควบคุม ศูนย์ถ่วงของร่างกาย (Center of Mass) ให้อยู่ภายใน ฐานการรองรับน้ำหนัก (Base of Support) ผ่านกิจกรรมจำลองในระบบ VR เช่น
- การเอียงลำตัวเพื่อหลบสิ่งกีดขวาง
- การเดินหรือก้าวข้ามสิ่งกีดขวางในสภาพแวดล้อมเสมือน
- การยืนบนพื้นผิวที่มีความไม่มั่นคงในเกม
- การเอื้อมหยิบสิ่งของจากตำแหน่งต่าง ๆ
ประโยชน์ของ VR ต่อการฝึกการทรงตัวในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
ความปลอดภัย – ฝึกซ้อมในสภาพแวดล้อมจำลอง ลดความเสี่ยงจากการหกล้ม
การเพิ่มแรงจูงใจ – ลักษณะการฝึกในรูปแบบเกม ช่วยสร้างความสนุกสนานและกระตุ้นให้เกิดความพยายาม
การให้ข้อมูลย้อนกลับทันที (Real-time feedback) – ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรับแก้ท่าทางได้ในขณะฝึก
การปรับระดับความยาก – สามารถเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้ป่วยแต่ละราย
การกระตุ้นการทำงานของสมอง – ส่งเสริมการเกิดการปรับตัวของระบบประสาท (Neuroplasticity)
ตัวอย่างระบบ VR ที่ใช้ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
- Balance Rehabilitation Unit (BRU) – ใช้แพลตฟอร์มวัดแรงกดร่วมกับ VR เพื่อฝึกการเอียงตัวและการรักษาการทรงตัว
- Nintendo Wii Fit – เกม เช่น Ski Slalom, Yoga, Table Tilt โดยใช้ Wii Balance Board เป็นตัวตรวจจับการเคลื่อนไหว
- Xbox Kinect-based Games – ใช้กล้องตรวจจับการเคลื่อนไหว เช่น เกมเก็บเหรียญหรือหลบสิ่งกีดขวาง
- Immersive VR (Oculus Quest, HTC Vive) – ใช้ร่วมกับเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อประเมินและฝึกการทรงตัวอย่างละเอียด
ข้อควรระวัง
- อาจเกิดอาการไม่สบายจากการใช้ VR เช่น เวียนศีรษะหรือคลื่นไส้ (VR sickness)
- ควรมีนักกายภาพบำบัดหรือบุคลากรผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด
- พื้นที่ฝึกควรปลอดภัยและปราศจากสิ่งกีดขวาง
สรุป
เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality: VR) เป็นนวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงในการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการทรงตัวในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ด้วยความสามารถในการจำลองสถานการณ์
ที่ปลอดภัย เพิ่มแรงจูงใจ และให้ข้อมูลย้อนกลับทันที แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการ
แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี VR มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในโปรแกรมฟื้นฟูผู้ป่วยในอนาคต
Virtual Reality (VR) for Balance Training in Stroke Patients
Stroke is a disorder that affects the functioning of the central nervous system, resulting in many patients experiencing impairments in balance and movement due to abnormalities in muscle control, coordination between various body systems, and sensory input. Balance rehabilitation therefore plays an important role in preventing falls.
เอกสารอ้างอิงแหล่งที่มาข้อมูลของบทความ
1. Effect of VR Training on Balance and Gait Ability (2016)
de Rooij IJM, et al. Virtual Reality Training for Improving Balance in Patients With Stroke: A Systematic Review and Meta-analysis. Phys Ther. 2016;96(12):1905–1918.
2. Lee et al., 2015 — Wii Fit Plus vs Task-Oriented Training
Lee HY, et al. Comparative effects of virtual reality training and task-oriented training on balance performance in stroke patients. J Phys Ther Sci. 2015;27(6):1883–1888.
3. Systematic Review & Meta-analysis (Am J Phys Med Rehabil, 2022)
4. Stroke inpatient RCT (2014)
McEwen D, et al. Virtual Reality Exercise Improves Mobility After Stroke: An Inpatient Randomized Controlled Trial. Stroke. 2014;45(6):1853–1855.