Functional Reach Test คือ แบบประเมิน เกี่ยวกับอะไร???

Functional Reach Test คือ แบบประเมิน เกี่ยวกับอะไร???

ผู้อ่านหลายๆท่าน อาจจะมีข้อสงสัยว่า การทรงตัวของร่างกายคนเรา หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า บาลานซ์ (Balance) จะทดสอบยังไงได้บ้าง ซึ่งในวันนี้ทาง ReBRAIN จะมาแนะนำการทดสอบง่ายๆกัน ในชื่อ “Functional Reach Test” หรือในภาษาไทยจะเรียกว่า “การทดสอบสมดุลการทรงตัวด้วยการเอื้อมมือ” ว่าต้องทำยังไงบ้าง ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง เกณฑ์การประเมิน และ การทดสอบนี้วิเคราะห์ผลหลังจากประเมินว่าได้อะไรบ้าง

ก่อนที่เราจะพูดถึงการทดสอบทรงตัว ขอเกริ่นที่มาของการทรงตัวในร่างกายของเรากันก่อนว่า ร่างกายคนเราสามารถทรงตัวอยู่ได้ยังไง การทรงตัวของร่างกาย จะมีองค์ประกอบที่ช่วยในการทรงตัวอยู่ 3 องค์ประกอบได้แก่ 1. Somatosensory System หรือ ระบบรับรู้ความรู้สึกส่วนกลาง จะมีส่วนสั่งการอยู่ที่สมองน้อยหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Cerebellum” คอยควบคุมการทรงตัวของร่างกายเป็นหลัก ในท่าทางต่างๆ และรับรู้ความรู้สึกต่างๆของข้อต่อต่างๆมาประมวลผลที่สมองน้อย เรียกว่า “Joint Proprioception”

  1. Vestibular System หรือ ระบบรับรู้ตำแหน่งของร่างกายภายในหู จะอยู่ในบริเวณหูชั้นใน คอยควบคุมการรับรู้ตำแหน่งของร่างกายบริเวณศีรษะและคอว่ากำลังอยู่ในตำแหน่งไหน รวมถึงคอยรักษาตำแหน่งศีรษะและคอให้อยู่ในตำแหน่งตรง 3. Visual System หรือ การมองเห็นผ่านสายตา โดยจะทำงานควบคู่กับระบบรับรู้การทรงตัวใน 2 อย่างก่อนหน้า ในส่วนนี้จะช่วยคอยควบคุมว่า ร่างกายอยู่ตำแหน่งไหน หรือพื้นผิวที่ร่างกายสัมผัสอยู่ว่าเป็นพื้นเรียบ พื้นขรุขระ เป็นต้น นอกจากนี้การทรงตัวของร่างกายจะแบ่งเป็น การทรงตัวขณะร่างกายอยู่นิ่ง (Static Balance) ไม่มีแรงรบกวนจากภายนอก และ การทรงตัวขณะร่างกายมีการเคลื่อนไหว (Dynamic Balance) เป็นการทรงตัวของร่างกายขณะมีแรงรบกวนจากภายนอกมารบกวนกรทรงตัวขณะอยู่นิ่ง

 

ภาพแสดง องค์ประกอบของการทรงตัวของร่างกาย (Balance)

แบบทดสอบ “Functional Reach Test” หรือ “การทดสอบสมดุลการทรงตัวด้วยการเอื้อมมือ” เป็นการทดสอบการทรงตัวของร่างกายในลักษณะมีการเคลื่อนไหว (Dynamic) ว่าสามารถทรงท่าได้หรือไม่ และดูภาวะเสี่ยงล้ม ส่วนใหญ่แบบทดสอบนี้จะใช้ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการทรงตัวจากโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง, โรคพาร์กินสัน เป็นต้น  โดยจะเริ่มจากให้ผู้ทดสอบยืนหันด้านข้างกับกำแพง (กำแพงจะมีการติดสายวัดหรือไม้เมตรก็ได้) เท้าชิดตัวตรง จากนั้น ให้ผู้ทดสอบยกแขนข้างถนัดขึ้นประมาณ 90 องศา เอื้อมแขนไปทางด้านหน้า ให้เอื้อมแขนออกไปให้ได้มากที่สุดโดยเท้าไม่เคลื่อนจากพื้นและลำตัวไม่ถูกับกำแพง โดยวัดจากตำแหน่งที่ยืนไปจนถึงปลายนิ้วกลางขณะกำลังเอื้อมแขนออกไปสุด วัดซ้ำ 3 ครั้ง แล้วหาค่าเฉลี่ยที่ดีสุด ตามภาพ

       

ภาพแสดงท่าทางการทดสอบ “Functional Reach Test”

เกณฑ์ในแบบทดสอบนี้ จะแบ่งเป็น 1. ไม่มีความเสี่ยงล้ม : 25 เซนติเมตรขึ้นไป 2. มีความเสี่ยงล้มน้อย : 15-25 เซนติเมตร 3. มีความเสี่ยงล้มปานกลาง : น้อยกว่า 15 เซนติเมตร 4. มีความเสี่ยงล้มสูง : ไม่สามารถเอื้อมไปด้านหน้าได้เลย

นอกจากนี้จะมีแบบทดสอบ เรียกว่า “Modified Functional Reach Test” เป็นการเพิ่มความยากของการทดสอบ โดยเพิ่มจากการเอื้อมไปด้านหน้าแล้ววัดประเมิน เป็นให้มีการเอื้อมไปด้านข้างในทางด้านซ้ายและขวาสลับกัน และสามารถปรับมาให้ทดสอบในท่านั่งได้

ในผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง การทดสอบนี้จะเริ่มจากให้นั่งหันด้านข้างกับกำแพง (กำแพงจะมีการติดสายวัดหรือไม้เมตรก็ได้) จากนั้นให้ออกแรงข้างมีแรง เอื้อมแขนไปด้านหน้า พอทำครบ 3 รอบ เปลี่ยนเป็นนั่งหันหลังชิดกำแพงแล้วเอื้อมแขนข้างมีแรงไปทางด้านข้างหาด้านมีแรงและไปด้านไม่มีแรงสลับกัน ประเมินทั้ง 3 รอบเช่นกัน แล้ววัดระยะที่เอื้อมได้ไกลสุด แล้วหาค่าเฉลี่ยที่ดีสุด โดยวัดจากตำแหน่งที่ยืนไปจนถึงปลายนิ้วกลาง สำหรับในแบบประเมินนี้ เกณฑ์คะแนนประเมินไมได้กำหนดมาชัดเจนว่าเท่าไหร่เสี่ยงล้ม แต่มีเกณฑ์คร่าวๆ คือ 1. เอื้อมไปด้านหน้า ควรทำได้ในระยะ 23.9 ซม. – 32.4 ซม.  2. เอื้อมไปหาข้างมีแรง ควรทำได้ในระยะ 10.1 ซม.- 12.5 ซม. และ เอื้อมไปหาข้างอ่อนแรง ควรทำได้ในระยะ 8.7 ซม. – 13.1 ซม.

การประเมินด้วย “Functional Reach Test”  และ“Modified Functional Reach Test” เป็นแบบทดสอบการทรงตัวในเบื้องต้นที่ทำได้ง่าย ไม่ใช้อุปกรณ์เยอะและมีความปลอดภัยในการประเมินการทรงตัวในผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้แบบทดสอบทั้งสองอย่างยังสามารถเอามาใช้ฝึกกระตุ้นผู้ป่วยหลอดเลือดสมองให้สามารถทรงตัวได้ดีขึ้นด้วย  ซึ่งทาง ReBRAIN มีทีมนักกายภาพบำบัดที่พร้อมให้คำปรึกษา มีอุปกรณ์ทางกายภาพบำบัดดูแล รักษาฟื้นฟูพร้อมให้บริการแก่คนไข้หลอดเลือดสมองทุกๆท่านครับ

อ่านบทความเพิ่มเติมที่นี่

FACEBOOK :: ReBRAIN

 

เอกสารอ้างอิง

Duncan PW, Weiner DK, Chandler J, Studenski S. Functional reach: a new clinical measure of balance. Journal of gerontology. 1990;45(6):M192-7.

Francisco L, Duarte J, Godinho AN, Zdravevski E, Albuquerque C, Pires IM, et al. Sensor-based systems for the measurement of Functional Reach Test results: a systematic review. PeerJ Computer science. 2024;10:e1823.

Katz-Leurer M, Fisher I, Neeb M, Schwartz I, Carmeli E. Reliability and validity of the modified functional reach test at the sub-acute stage post-stroke. Disability and rehabilitation. 2009;31(3):243-8.

Marchesi G, Ballardini G, Barone L, Giannoni P, Lentino C, De Luca A, et al. Modified Functional Reach Test: Upper-Body Kinematics and Muscular Activity in Chronic Stroke Survivors. Sensors. 2021;22(1).

Rosa MV, Perracini MR, Ricci NA. Usefulness, assessment and normative data of the Functional Reach Test in older adults: A systematic review and meta-analysis. Archives of gerontology and geriatrics. 2019;81:149-70.

โทร.
Scroll to Top